วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เพื่อนของฉัน


เพื่อนของฉัน


            ฉันเรียนอยู่ชั้น ม.6/1 โรงเรียนบางละมุง ในห้องมีนักเรียนทั้งหมด 50 คน เพื่อนกลุ่มนี่เป็นเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่สุดของฉัน เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ ม.4 จนตอนนี้ ม.6 แล้ว ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา พวกเราช่วยกันมาตลอด   ช่วยกันเรียน เล่น เที่ยว เวลามีกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องทำเป็นห้อง ทุกคนก็ให้ความร่วมมือและช่วยกันเสมอ อาจมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่เราก็ปรับความเข้าใจกันได้เสมอ 
The Gang

        เพื่อนกลุ่่ม The Gang เป็นกลุ่มที่ชอบเดินด้วยกัน นั่งเล่นในห้องสมุดด้วยกัน ช่วยกันทำการบ้าน ถ้ามีเพื่อนคนไหนไม่ทำ หรือขี้เกียจทำ เพื่อนทั้งกลุ่มก็จะรุมมัน!! ให้ทำการบ้าน หรือถ้ามีเพื่อนคนไหนที่ทำอะไรผิดไป เพื่อนทั้งกลุ่มก็จะรุมอีกตามเคย ช่วยออกความเห็นว่าจะแก้ไขอย่างไร ใครที่อกหักก็จะช่วยกันปลอบใจ ช่วยหาแฟนใหม่ และทำให้อารมณ์ดีขึ้น

           

อดีลีน ไซเกนทาเลอร์ (มิ้ว) 
เพื่อนที่หน้าเหลี่ยมที่สุด มิ้วน่ารักมาก ชอบขำอะไรที่เค้าไม่ขำกัน ชอบวางแผนกับกิ๊กแกล้งเพื่อน เธอเลขที่ติดกับฉันมาตั้งแต่ม.1 เรามีชื่อเล่น และชื่อจริง ตัวแีรกเหมือนกันด้วย


พัชรพร  กมุทวณิช (ส้ม)
เพื่อนที่อวบที่สุดในกลุ่ม หัวของเธอสามารถสะท้อนแสงได้ เป็นเพื่อนที่สนิทมาก คอยเตือนให้ทำ การบ้านเสมอ เป็นคนที่อ่อนไหวง่ายมาก ใครบอกอะไรเชื่อหมดเลย 


กฤตยาภรณ์ วงศ์คำลือ (ปาล์ม)
เพื่อนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม เธอชอบใส่กระโปรงหลวมๆ มันยิ่งทำให้ดูผอมมาก (บอกให้ไปซื้อกระโปรงใหม่หลายรอบแล้ว) ปาล์มจะสนิทกะส้ม แต่เธอจะขี้ลืมมาก ลืมนั่น นู้น นี่ ตลอดเวลา 


กัญญารัตน์  คำมาก (กิ๊ก)
เพื่อนที่หน้ากลมที่สุดในกลุ่ม เธอจะขี้บ่นมาก สนิทกับมิ้วมากๆ ชอบชวนมิ้วเดินหนีเพื่อน เวลาอยู่กับมิ้วจะชอบแกล้งเพื่อน ให้ทะเลาะกัน ความสุขของเธอเลย


MS2N
            MS2N กลุ่มนี้สนิทมาก MS2N มาจากชื่อตัวแรกภาษาอังกฤษของทุกคน Mind Som Nan Nokyoong ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ ม.3 พวกเราจะทำกิจกรรมหลายๆอย่างร่วมกัน นั่งกินข้าวด้วยกันทุกวัน ผลัดเวรกันเก็บจาน วันไหนที่ไม่ใช่เวรเรา เราก็จะซื้อข้าวหลายๆร้าน คนเก็บเดินจนเมื่อยเลย เวลามีงานกลุ่ม เราจะอยู่ด้วยกันทุกครั้ง  

ภัคนันท์  สงวนสิทธิกุล (นกยูง)
เธอเป็นคนที่ น่ารักที่สุดในกลุ่ม รักสวยรักงามมาก เธอสายตาสั้นมากๆ ตัวเองใ่ส่คอนเทกเลนส์ แต่ต้องใส่แว่นด้วย เธอบอกว่า มันไม่ชิน แปลกมาก ชอบให้เตือนทำการบ้านเสมอ


 วิภวานี  เชิดชูจันทร์ (แนน)
เพื่อนจอมโหด แนนเป็นหัวหน้าห้อง มาตั้งแต่ ม.1 ตอนนี้ ม.6 แล้ว แนนก็ยังเป็นหัวหน้าห้องอยู่ เรียนรด. ด้วย เก่งจริงๆ  เวลาแนนดุเพื่อน จะไม่ดุกลุ่มตัวเอง น่ารักจริงๆ เป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาก เืรื่องงานใหญ่ๆ แต่ชอบลืมทำการบ้าน 

Bleanded Learning


Blended learning การเรียนรู้แบบผสมผสาน


        Blended learning หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ ที่ผสมผสานรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ผสมผสานกับการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ผู้เรียนผู้สอนไม่เผชิญหน้ากัน หรือการใช้แหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่หลากหลาย กระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมเกิดขึ้นจากยุทธวิธี การเรียนการสอนที่หลากรูปแบบ เป้าหมายอยู่ที่การให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้เป็นสำคัญ
      "Blended learning เป็นสิ่งสำคัญของการศึกษาและเทคโนโลยี ,blended learning มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว,เป็นการบูรณาการระหว่างการเรียนในชั้น เรียนและการเรียนแบบออนไลน์,สามารถช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนและ การใช้เวลาในชั้นเรียนได้เหมาะสม"

การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning)
        การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning)การเรียนแบบผสมผสาน เป็นการรวมกันหรือนำสิ่งต่างๆมาผสม โดยที่สิ่งที่ถูกผสมนั้น คือ
     - รวม รูปแบบการเรียนการสอน
     - รวม วิธีการเรียนการสอน
     - รวม การเรียนแบบออนไลด์ 


ข้อดี-ข้อเสีย 
        การเรียนแบบผสมผสานสรุป Blended Learning การเรียนการสอนแบบผสมผสาน ความหมายและความสำคัญ
    1. การเรียนแบบผสมผสาน (blended learning) เป็นการเรียนที่ใช้กิจกรรมที่ต้องออนไลน์และการพบปะกันในห้องเรียนจริง (hybrid) โดยใช้สื่อที่มีความหลากหลายเหมาะกับบริบทและสถานการณ์ การเรียนรู้ เพื่อตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
    2. การเรียนแบบผสมผสาน เป็นการรวมกันหรือนำสิ่งต่าง ๆ มาผสม โดยที่สิ่งที่ถูกผสมนั้น การเรียนอาจจะเรียนในห้องเรียน 60% เรียนบนเว็บ 40% ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าจะต้องผสมผสานกันเท่าใด เช่น- รวม รูปแบบการเรียนการสอน- รวม วิธีการเรียนการสอน- รวม การเรียนแบบออนไลน์ และรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียน
    3. การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning) การเติบโตของการเรียนแบบผสมผสานตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคตการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยในอดีตนั้น การเรียนแบบผสมผสานคือส่วนที่ได้มีการรวมเข้าหากัน
สรุป
    1. การเรียนการสอนแบบผสมผสาน Blended Learning เป็นการเรียนรู้แบบผสมผสานหลากหลายวิธี เพื่อให้ผู้เรียนได้มีการเรียนรู้ที่หลากหลาย และเพื่อผู้เรียนได้พัฒนาเต็มศักยภาพเหมาะกับบริบทและสถานการณ์ การเรียนรู้และตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลเกิดการเรียนรู้และเกิดทักษะ ด้านการปฏิบัติ (Practice Skill )โดยใช้เทคโนโลยี
    2. การใช้งานจริง ณ ขณะนี้ สรุป การใช้ Blended Learning ในองค์กร หรือบริษัท ช่วยในการประชุม การสั่งงาน โดยมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระบบเครือข่าย ส่วนมาก นิยมใช้ระบบ LMS เป็นระบบการบริหาร ผ่าน Sever เป็นระบบเครือข่ายผู้ใช้งานในระบบ

ขั้นตอนการออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน
การเรียนรู้แบบผสมผสานมีสิ่งต่างๆจะต้องพิจารณา ดังนี้
     1. เพิ่มทางเลือกของวิธีการนำส่งการเรียนรู้ไปยังผู้เรียนให้มีความหลากหลายมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ออกแบบ
     2. เกณฑ์การตัดสินความสำเร็จในการเรียนรู้แบบผสมผสานไม่ได้มีเพียงเกณฑ์เดียว เช่น รูปแบบการเรียนรู้และวิธีการเรียนรู้ ซึ่งสามารถนำมาพิจารณาร่วมกันได้
     3. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานจะต้องพิจารณาประเด็นของความเร็วในการเรียน รู้ ขนาดของผู้เรียน และการสนับสนุนช่วยเหลือผู้เรียน
     4. สภาพแวดล้อมทางการเรียนของผู้เรียน จะมีความแตกต่างกันเป็นธรรมชาติซึ่งการจัดการเรียนรู้จะต้องสนับสนุนให้ผู้ เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์เป็นสำคัญ
     5. หน้าที่ของผู้เรียน จะต้องศึกษาและค้นพบตัวเอง เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ตามศักยภาพของตนเอง
     6. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานต้องการทีมงานออกแบบที่มีความรู้เรื่องการปรับปรุงด้านธุรกิจด้วยเช่นกัน

ความเป็นไปได้ในการไปใช้งานจริงของ Blened Learning การเรียนการสอนแบบผสมผสาน
   1. มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุค ICT ทำให้มีการเรียนรู้ที่หลากหลายวิธี เช่น 2 วิธี หรือมากกว่านั้นได้
   2. ดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ e-Learning
   3. สามารถนำไปใช้ได้จริงในสถานศึกษา เช่น โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย รวมไปถึง บริษัท องค์กร ต่าง ๆ เพื่อประหยัดงบประมาณและต้นทุน
   4. เป็นไปได้หรือไม่ในการนำไปใช้งานได้จริงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ความเหมาะสมขององค์ประกอบในการจัดการเรียนการสอน อุปกรณ์ ผู้เรียน และผู้สอน

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

ประทับใจในโรงเรียนบางละมุง



ประทับใจในโรงเรียนบางละมุง

        สิ่งที่ภาคภูมิใจในโรงเรียนบางละมุง คือการเป็นนักเรียนของโรงเรียนบางละมุง ตั้งแต่ ม.1 ซึ่ง นั่นก็คือ 6 ปีมาแล้ว โรงเรียนบางละมุงให้อะไรมากมาย ให้ความรู้ สอนให้รู้จักการดำรงชีวิตใจสังคม เป็นคนดี มีน้ำใจ ในรั้วชมพู-ขาว นี้ มันคือครอบครัวใหญ่ มันทำให้เรารู้สึุกปลอดภัย เมื่ออยู่ในบ้านหลังนี้ ตอนนี้ใกล้จะต้องออกจากบ้านหลังนี้แล้ว ภูมิใจมากค่ะ ที่ได้เรียนอยู่โรงเรียนบางละมุง คงจะคิดถึงบ้านหลังนี้มากๆเลยค่ะ

เทคนิคการสอบสัมภาษณ์


เทคนิคการสอบสัมภาษณ์


การเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์
          มีคำกว่าว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นเอง เราจะต้องเตรียมหาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย คณะที่เราจะเลือก รวมไปถึงความรู้รอบตัวทั่วไปที่เกี่ยวกับสาขาวิชานั้นๆ
การแต่งกาย
          อันนี้เป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้เลย เราควรจะต้องแต่งตัวให้ถูกระบียบทุกประการ เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้ิองใหม่แต่ต้องสะอาด ไม่ยับยู่ยี่ สำหรับผู้ชายวันนั้นขอแนะนำให้ตัดผมสั้นหน่อยก็ดี ผู้หญิงก็มัดรวบผมให้เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องวงเเว๊กขัดเงาต่างๆ สำหรับคุณน้องผู้หญิงพวกเครื่องประดับ สร้อยแหวน ข้อมือ ต่างเป็นไปได้ถอดให้หมด น้ำหอมก็ไส่แต่พองาม ใส่มากไปจากหมอจะกลายเป็นฉุน สำหรับเรื่องแต่งหน้าเเปะแป้งธรรมดาก็ไป ไม่ต้องเขียนขนตา ทาปากเหมือนกับไปเที่ยวสยามนะครับ
ควรเตรียมอะไรไปบ้าง
          เราควรจะเตรียมเอกสารทั้งหมดก่อนวันสัมภาษณ์นะครับ ไม่ใช่ไปเตรียมตอนรุ่งเช้าแบบนี้จะยุ่งมากทำให้เราไปสายได้ การเตรียมเอกสารก็ควรหาเเฟ้มที่มีหลายช่องเพื่อจะได้แยกเอกสารแต่ละชนิด จะได้หาได้ง่ายเวลานำออกมาใช้ รูปถ่าย หลักฐานต่างๆ รวมทั้ง ปากกาและก็ที่ลบคำผิด จะได้ไม่ต้องยืมคนอื่นเหมือนตอนอยู่โรงเรียนนะ
คืนก่อนสัมภาษณ์
          ก็ตามสูตร ดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะแล้วก็รีบนอน ( หลายคนระวังตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ก็พยายามนับเเกะเอานะครับ ) โดยพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจี๊ดจ๊าดต่างๆ ตั้งแต่ก่อนวันสัมภาษณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา โจรโผกผ้าเหลืองบุก ( ท้องเสีย) ถ้ามีสัมภาษณ์ตอนประมาณช่วงเช้ายังไงก็ควรกินอาหารเช้าด้วยนะครับเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องและเลี่ยงปัญญาท้องร้องตอนสัมภาษณ์ สำหรับอาหารก็ควรทานอาหารจำพวกย่อยง่าย เช่นโจ๊ก งดอาหารพวกนมและของมันและครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลมเพราะจะทำให้ท้องอืดและมีอาการเรอได้ และควรเขี้ยวอาหารให้ระเอียด
เดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์
          หาข้อมูลให้ชัดเจน และต้องแน่ใจว่าเขานัดสัมภาษณ์ที่ใด ถ้าไม่แน่ใจให้เดินทาง ไปดูล่วงหน้าก่อน แต่ที่ดีที่สุดควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ล่วงหน้าประมาณสัก 15 นาที จะทำให้เรามีสมาธิ และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น แต่ถ้าไปถึงล่วงหน้าเป็นชั่วโมง ก็ดีแต่อาจจะทำให้คุณรอนานอาจเกิดความหงุดหงิด เสียสมาธิได้ และควรไปคนเดียว ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาผู้อื่นไปด้วยเยอะจะทำให้เราพะวง เห็นหลายคนยังไปปิกนิกเล่นพามาทั้งครอบครัว กำลังใจเพียบ  ครอบครัวเรามันช่างอบอุ่นอะไรเช่นนี้ อ๋อแล้วอีกอย่างผู้ติดตามก็ควรแต่งกายสุภาพด้วยนะครับ
นั่งรอสัมภาษณ์
           ช่วงก็พยายามทำใจให้สบาย นึกถึกพ่อเเก้วแม่เเก้วไว้ อย่าทำหน้าเหมือนไม่ได้อึมาหลายวันหละ และก็ควรจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการทบทวนความรู้รอบตัวต่างๆ ถ้าได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก็ควรพูดคุยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส อ๋อระหว่างนั่งรอก็นั่งให้มันเรียบร้อยหน่อยครับ อย่ากระดิกเท้า นั่งถ่างขา นั่งยืดขา แขะขีมูกด้วย  อ๋อก่อนเข้าห้องอย่าลืมปิดมือถือให้เรียบร้อย

เมื่อถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์
          เข้าห้องสัมภาษณ์ลองหายใจลึก ๆ แต่อย่ามากอาจหน้ามืดก่อน (และก็ควรบอกกับตัวเอง เรายอด เราเยี่ยม เราทำได้ สร้างขวัญและกำลังใจ ห้ามคิดเด็ดขาดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ ok ) และก็เดินลุกอย่างสง่างามเขาไปที่สัมภาษณ์ ถ้ามีประตูควร เคาะ ประตู เสียก่อน ตามมารยาท ยกมือวันทาด้วยท่าทางสุภาพ ควรไหว้ประธานหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงผู้เดียวถ้านั่งอยู่หลายคน โดยทั่วไปมัก นั่ง ตรงกลาง เรื่องนี้ ใช้ไหวพริบเองก็แล้วกัน อย่าเพิ่งนั่งจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรือ คำเชิญจากผู้สัมภาษณ์ แต่ถ้รู้สึกว่าลมมันเย็นหรือยืนนานเกินไปแล้วผมว่าเราอณุญาตินั่งก็ได้ กล่าวขอบคุณครับ แล้วเราก็นั่งให้หัวใจเต้นเบาลง ตั้งสติก่อนสตารท์เอ๋ยก่อนสัมภาษณ์ พอนั่งแล้วก็จัดวางตัวเองอยู่ในที่เรียบร้อย หลังห้ามงอ หน้ามองตรง และที่สำคัญ ยิ้มสยาม
การวางตัวในขณะสัมภาษณ์
           ทำหน้ายิ้มไว้ สบสายตาผู้สัมภาษณ์มีหลายคนชอบมองเพดานหรือมองหาเศษเหรียญตามพื้นถ้าโชคดีอาจจะได้เจอแบงค์พันก็ได้ 555 ถ้าคนสัมภาษณ์มีหลายคนก็ควรแจกจ่ายสายตาให้ทั่วถึงด้วยแต่ก็เน้นไปที่คนใหญ่คนโต ควรนั่งในท่าสุภาพ ไม่เกร็ง วางแขนไว้ที่ตัก อย่าสั่นขา การตอบคำถามควรลงท้ายด้วย "ครับ", "ค่ะ" เสมอ ไม่ควรตอบเฉพาะคำถามห้วนๆ ไม่ควรพูดสอดแทรกในขณะที่ผู้สัมภาษณ์กำลังพูด ถ้าอาจารย์เกิดแนะนำตัวเองด้วยการบอกชื่อขึ้นมาน้องควรจะจำให้ได้ แล้วต่อไปก็ต้องเรียกชื่อของอาจารย์ ( ส่วนใหญ่คนสัมภาษณ์จะไม่ค่อยบอกชื่อตัวเอง ถามชื่อคนอื่นไม่บอกชื่อตัวเอง ไม่มีมารยาทเลยเนอะ ฮาฮา )
การตอบคำถาม
           จงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ฉะฉาน พูดให้เป็นธรรมชาติด้วยเสียงที่พอเหมาะอย่าค่อย หรือดังเกินไป จงพูดเท่าที่จำเป็นอย่าคุยโม้โอ้อวด หรือถ่อมตนมากเกินไป ห้ามพาดพิงให้ร้ายพูดถึงคนอื่นในแง่ลบ จงพูดในสิ่งที่เป็นความจริงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำถามและเป็นประโยชน์ สำหรับคุณให้มากที่สุด ดังนั้นเราก็ควรจะฝึกพูดกับตัวเองหรือหน้ากระจกด้วยนะครับ เพื่อจะได้ไม่ประม่า และก็หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์เฉาพกลุ่มต่างๆนานา เช่น มันเริ๋ดจริง ด๋อย เกรียน สมัยนี้คงไม่มีใช้คำว่าจ๋าบละมั้งสมัยก่อนฮิตกันมาก  แล้วอีกอย่างคือห้ามเถียง ถึงเถียงชนะแต่เราก็อาจจะสอบไม่ติดได้  การตอบคำถามทุกคำถามควรจะพูดความจริง เพราะว่าคนสัมภาษณ์เขามีประสบการณ์เ้ยอะ ( ก็อายุเยอะแล้ว ) ดังนั้นถามถ้าเราโกหกอะไรไปพวกเขาจะจับผิดได้ 99% ยกเว้นน้องจะมีความวชาญพิเศษในด้านก็ตามแต่ก็ไม่ควรจะเสี่ยง
คำถามยอดฮิต
1. เล่าประวัติแบบย่อ ๆของคุณให้ฟังหน่อยครับ / แนะนำตัวให้กรรมการฟังหน่อยครับ ถามมาแบบนี้ จะถามทำไม ก้อดูเอาในประวัติสิคับ-----อย่าตอบไปเด็ดขาดเลยนะ เหอๆ (คิดในใจก้อพอ) ที่เค้าถามน่ะเพื่อดูภาพรวม, การแสดงความคิดเห็นของตนเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องง่าย เราก็ควรจะจัดลำดับคำตอบให้ดีนะ เรื่องของตัวเอง Present ให้เต็มที่เลย แต่ทว่า อย่าไปพูดวกไปวนมา หรือยืดยาวจนเกินไปนะ!!!! แนวๆประมาณ ชื่อ.....ชื่อเล่น.....มาจากรร.ไร.....ความสามารถพิเศษ.....หรืออย่างอื่นที่เราคิดว่าเป็นจุดเด่นของตนเองประมาณเนี้ยยย ดังนั้นควนจะฝึกมาตั้งแต่ที่บ้านนะครับ
2.เหตุผล ทำไมๆๆ ถึงเลือกเรียนที่นี่ สาขานี้ ในการตอบนั้น แต่ละคนอาจจะมีลักษณะคำตอบที่แตกต่างกัน แนวทางของคำตอบนั้น พยายามตอบเป็นกลางๆ คือไม่ได้ฟังดูดีมาก หรือห้วนจนเกินไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ และไม่ดูเป็นสคริปต์มากนัก และที่สำคัญ ควรตอบคำถามทุกคำถามด้วยถ้อยคำชัดเจนและสุภาพ เพื่อแสดงความมั่นใจในตัวเองและความเคารพต่อกรรมการ
3. วิชาที่ชอบและไม่ชอบ
4. อาชีพในฝัน
5. ถ้าไม่ได้เรียนที่นี่ในคณะนี้ จะเรียนที่ไหน
6. ถ้าเรียนแล้วรู้ตัวว่าคณะนี้ไม่ใช่จะทำอย่างไร ( ตอบยากมาก )
7. เรียนหนักนะจะไหวหรอ บอกไปเลยว่าจะพยายามให้ดีที่สุดถ้าได้โอกาศเข้าเรียน อย่าโม้เช่นว่า อย่างผมนะเก่งอยู่แล้วไม่มีอะไรยากสำหรับผม 55
8. ถ้าอาจารย์ถามถึงข้อเสียของเรา เช่นเคยทำอะไรให้พ่อแม่เสียใจบ้าง เคยสร้างวีระกรรมอะไรไว้บ้างก็ ตอบตามความจริง เพราะอาจารย์บางคนจะไล่ถามถ้าเราแต่งเองก็จะจนมุมในที่สุด
เจออาจารย์กวนปราสาท ( Edit1 )
           อันนี้หลายคนจะโดนเพราะอาจารย์ต้องการรู้ถึงจิตใจว่าทนต่อแรงเสียดสี กดดันต่างๆได้มั้ย โดยอาจารย์หลายท่านอาจจะทำพูดแล้วแสดงออกทางเสียง รวมถึงหน้าตาด้วย  แต่น้องก็เย็นๆไว้นะโยม ถ้าตบะแตกขึ้นมาก็จบเหตุ บางคนคะแนนข้อสอบเทพมากแต่เจออาจารย์แซวนิดแซวหน่อย ฟิวส์ขาด อย่างเช่น เธอคะแนนน้อยมาก ไม่รุ้ฝ่ายพิจารณ์จะเรียก เธอมาสัมภาษณ์ทำไมนิ คะแนนน้อยแบบนี้เรียนไปก็ซิ่ว เราก็ต้องตอบอย่างใจเย็นว่า ถึงตอนนี้คะแนนน้อย แต่หนูคิดว่าหนูจะพัฒนาได้ดีกว่านี้ หนูจะตั้งใจให้มากขึ้น ขอแค่ได้มีโอกาศสักครั้ง นะคะ
ถ้าพบกับคำถามที่ตอบไม่ได้
          จงอย่าอ้างว่าไม่ได้เรียนมาและอย่าแสดงสีหน้าตกอกตกกใจจนเกินเหตุ  เขาอาจจะอยากลองดูไหวพริบการแก้ปัญหาของคุณ อันนี้อย่าตอบมั่วเด็ดขาด ยอมรับซะว่าไม่ทราบจริง ๆ และจะไปสืบค้นหาคำตอบภายหลัง ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นผู้ใฝ่รู้ (ต้องทำจริง ๆ นะ) อย่าขอเปลี่ยนคำถามหรือขอผู้ช่วยเพราะไม่ใช่เกมโชว์ ( ความจริงมันก็ทำให้การสัมภาษณ์มีสีสันนะครับ แต่จะกลายเป็นตลกไม่ออก )
          สุดท้ายเมื่อจบการสัมภาษณ์ ไม่ว่าเราจะตอบได้ดีหรือไม่ดีก็ตามก็ยิ่มหวานๆ ยกมือไหว้ แล้วก็ออกจากห้องอย่าลืมเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อย
อาจารย์แนะนำ
           หลังจากที่ผมได้คุยกับอาจารย์   จากลาดกระบัง  ท่านได้นะนำว่า น้องควรจะแสดงถึงความมุ่งมั่นว่า อยากเรียนเพราะอะไร เรียนจบแล้วจะทำอะไร เพราะบางครั้งการตัดสินใจยากมากอะครับ อาจารย์เลยดูพวกนี้ประกอบด้วย

วันหนึ่งที่ฉันเที่ยว


ทัศนศึกษาที่ Dream World


     นักเรียนชั้น ม.6 ได้ไปทัศนศึกษาทีี่ ดรีมเวิลด์ กันเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2556 พวกเราออกจากโรงเรียนกันแต่เช้า คุณครูนัด 7.00 น. เพื่อมาเตรียมตัว รถออกเวลา 7.30 น. ซึ่งฉันมาเกือบ จะครึ่งแล้ว ตอนเช้ามาเข้าแถว คุณครูแจกข้าวเหนียวหมูคนละ 1 กล่อง และน้ำเปล่าคนละ 1 ขวด พวกเราก็นั่งทานกันเลย เพราะยังไม่ได้ทานข้าวเช้ากัน เมื่อคนครบก็เดินทางไปขึ้นรถ let's go !!  อยู่บนรถพวกเราก็เปิดเพลงเต้นกัน เหนื่อยมาก ถึงดรีมเวิลด์ประมาณ 10.00 น. จากนั้นคุณครูก็นัดแนะเวลากลับ และพวกเราก็ได้ซื้อบัตรเครื่องเล่นเพิ่ม นั่นคือ สกายโคตเตอร์ ราคา 60 บาท จากนั้น เราก็ไปถ่ายรูปห้องกัน และแยกย้ายกันไปเป็นกลุ่มๆ พวกเราเริ่มเล่นจาก เฮอร์ริเคน เป็นเครื่องเล่นแรก มันสนุึกและเสียวมาก มันพาเราหมุนติ้วๆ 3 นาที พอลงมา มีเพื่อนคนหนึ่งเกือบอ้วก ฉันได้ลงมาดูว่ามันหมุนอย่างไร แล้วก็คิดขึ้นได้ว่า "เรานั่นอยู่บนนั้นได้ยังไง ตั้ง 3 นาที" ดูอยู่ข้างล่างมันน่ากลัวจริงๆ จากนั้น เราก็ไปต่อด้วยสกายโคตเตอร์ที่เราซื้อบัตรไว้้นั่นเอง เราจะต้องนั่งแล้วห้องขา เหวี่ยงเราไปในอากาศ แต่ระยะทางมันสั้น เลยรู้สึกตื่นเต้นน้อยไปหน่อย จากนั้นก็ต่อด้วยเครื่องเล่นที่ชื่อว่า "พรหมวิเศษ" เป็นหนึ่งในเครื่องเล่นที่ฉันจะไม่ขึ้นอีกตลอดชีวิต มันเหวี่ยงพวกเราไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง หมุนๆ เหมือนตัวเราลอยตลอดเวลา เล่นเอาฉันเวียนหัวไปเลย ยืนไม่ไหวจริงๆ ต่อด้วย เร็บเตอร์ เป็นเหมือนเรานั่งอยู่ของแก้ว แล้วหมุนเรา หมุนวงกลม เอียงซ้าย เอียงขวา เครื่องเล่นนี้สนุกมาก จากนั่นก็ต่อกันที่ แกรนด์แคนยอน ฉันชอบอันนี้ มันเบามาก เหมือนเราไปล่องแก่ง นั่งอยู่บนเรือไหลไปตามน้ำ ซึ่งฉันเป็นคนเดียวในกลุ่ม ที่เปียกน้ำเยอะที่สุด จุดที่ฉันนั่งน้ำเข้า่ตลอดเลย ในขณะที่เพื่อนๆ ยังไม่เปียกกันเลยด้วยซ้ำ ขอบคุณแกรนด์แคนยอนจริงๆ เราก็ไปที่ วิหคสายฟ้า เครื่องเล่นนี้เหมือนจะเป็นของเด็กซะมากกว่า พวกเราขึ้นไปเล่นฆ่าเวลา รอเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง จากนั้น เราพวกเราก็ไปกันที่ "ไวกิ้ง" เป็นอีกเครื่องเล่นที่ฉันจะไม่ขึ้นมันอีกเลย มันเป็นเหมือนเรือ เหวี่ยงพวกเราไปซ้าย ขวา แต่เหวี่ยงสูงมาก ฉันกลัวมากจริงๆ พอลงมาอ้วกกันไปหลายคนเลย ซึ่งหนึ่งในนั่้นก็ต้องมีฉัน ต่อด้วยบ้านผีสิง ฉันอยู่ข้างหลัง เลยได้ยินเสียงกรีดของคนข้างหน้าตลอดเวลา ซึ่งมันทำให้เราไม่กลัว  จากนั้น ต่อด้วย "ซุปเปอร์สแปช" เครื่องเล่นที่ฉันชอบมาก เหมือนเราเล่นสไลเดอร์ที่มีน้ำรอความเปียกอยู่ข้างล่าง ซึ่งเราพวกเราก็เปียกไปตามๆ กัน จากนั้นเพื่อความสะใจเราตัดสินใจเข้าบ้านหิมะต่อ อุณหภูมิ -1.5 องศา่ หนาวมากจริงๆ ข้างในนั่นจะเป็นคริสต์มาส มีหิมะตก และก็มีสกีให้เล่น และก่อนกลับพวกเพื่อนๆไปเล่นเฮอร์ริเคนกันต่อ ฉันไม่ได้เล่นด้วย ไม่ไหวแล้วจริงๆ และสุดท้ายเราก็ไปดูหนัง 4 มิติ เราขึ้นรถกลับบ้านกันเวลาประมาณ 15.30 น. อยู่บนรถเราก็เต้นกันอีกตามเคย ในขณะที่รถคันอื่นหลับกันหมดเลย ไม่รู้ว่าเราไปเอาพลังงานมากจากไหนกัน ถึงโรงเรียนประมาณ 6.00 น. วันนี้เป็นวันที่สนุกมาก และเราจะได้เที่ยวด้วยกันปีสุดท้ายแล้ว ฉันจะไม่ลืมเลยจริงๆ

อาชีพในอนาคตของฉัน


 อาชีพ พยาบาล



ลักษณะของงานที่ทำ
           รักษา ดูแล และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพยาบาล เป็นผู้ช่วยแพทย์ โดยการสังเกต และบันทึกความเปลี่ยนแปลงในคนไข้ รายงานให้แพทย์ทราบถึงอาการของคนไข้ตามลักษณะโรคที่เป็นทั้งร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ ช่วยฟื้นฟูสุขภาพของคนไข้ ช่วยคนไข้ให้ปรับตัวเข้ากับภาวะขัดข้องใดๆ ที่อาจเกิด จากการเจ็บป่วย จัดให้คนไข้ มีสิ่งแวดล้อมที่ถูกสุขอนามัย ป้องกันและควบคุมการเผยแพร่ของโรคติดเชื้อ สอนคนไข้ และประชาชนทั่วไปให้รู้จักการดูแลและส่งเสริมสุขภาพวางแผน มอบหมาย สั่งการ ดูแล และประเมินผลงานของผู้ช่วยพยาบาล และผู้ทำหน้าที่ประสานงาน ร่วมงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ และอนามัยแขนงอื่นๆ ในการบริการคนไข้




คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
 ผู้ประกอบอาชีพนี้ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
         1. สำเร็จการศึกษา พยาบาลศาสตร์ต่อเนื่อง หรือพยาบาลศาสตร์
         2. มีสุขภาพสมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่พิการหรือทุพพลภาพ ปราศจากโรค (อันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน)
         3. มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่รังเกียจผู้เจ็บป่วย มีความเมตตา และมีความรักในเพื่อนมนุษย์มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
         4. มีความอดทน อดกลั้น และมีความกล้าในการตัดสินใจ
         5. มีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
         6. มีความเสียสละที่จะเดินทางไปรักษาพยาบาลผู้คนในชุมชนทั่วประเทศ
         ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้: เมื่อสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น จะต้องเลือกเรียน/ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (สายวิทยาศาสตร์) จากนั้นจึงจะทำการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสาขาวิชาพยาบาลของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่สังกัดทบวงมหาวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเอกชน ทั้งนี้การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจะต้องมีผลการเรียนวิชาฟิสิกส์ เคมีชีววิทยา ค่อนข้างดีด้วย




โอกาสในการมีงานทำ
         ปัจจุบัน ประเทศไทยมีประชากรมากกว่า 62 ล้านคน ความต้องการพยาบาลเพื่อทำการรักษาพยาบาลต้องเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของประชากรประกอบกับรัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสนใจในสุขภาพของประชาชนทุกเพศทุกวัยได้พยายามขยายบริการออกไปให้ทั่วถึง จึงจำเป็นต้องใช้พยาบาลในการปฏิบัติงานเป็นจำนวนมาก
         อีกทั้งโรงพยาบาลและสถานพยาบาลของภาคเอกชนได้ขยายตัว มากขึ้น เพื่อบริการประชาชน และหน่วยงานอื่นๆ เช่น สถานประกอบการอุตสาหกรรม สำนักงานประกันภัย บริษัทขายยาและเคมีภัณฑ์ บริษัทขายเครื่องมือแพทย์ ต้องการพยาบาลไปดูแลรักษาพยาบาล หรือให้ คำปรึกษาแนะนำด้านสุขภาพอนามัยแก่พนักงานในสถานประกอบการ หรือให้คำปรึกษาแนะนำ ในการประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ ผู้สำเร็จการศึกษาวิชาชีพพยาบาลสามารถไปประกอบวิชาชีพส่วนตัวได้ เช่น เปิดสถานดูแลเด็กอ่อน เด็กเล็กก่อนวัยเรียนผู้สูงอายุ หรือรับจ้างปฏิบัติงานเลี้ยงเด็กหรือดูแล ผู้สูงอายุ เป็นต้น ดังนั้น แนวโน้มของโอกาสในการมีงานทำของอาชีพนี้ ยังคงมีอยู่ค่อนข้างสูง จึงสามารถหางานทำได้ ไม่ยากนัก


โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
           ผู้ปฏิบัติหน้าที่ เป็นข้าราชการ ในโรงพยาบาล สังกัดกระทรวงสาธารณสุข และในสังกัดกระทรวงกลาโหม ได้รับตำแหน่ง และเลื่อนขั้นยศตามขั้นตอนของระบบราชการ การศึกษาต่อเพิ่มเติมจะช่วยให้ เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้รวดเร็วขึ้นและสามารถเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานได้ ในรัฐวิสาหกิจก็เช่นเดียวกัน ส่วนในโรงพยาบาลภาคเอกชนนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างการบริหารงานขององค์กรหรือสามารถทำธุรกิจส่วนตัวได้ คือเป็นเจ้าของสถานพยาบาล สถานดูแลเด็กอ่อน เด็กก่อนวัยเรียน และผู้สูงอายุ หรือศึกษาต่อเพิ่มเติมจนถึงระดับปริญญาเอก